- รายละเอียด
- จำนวนผู้เข้าชม: 1485
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาชุดการเรียนวิชางานประดิษฐ์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติ
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางทองสุก เลิกนอก
ปีที่วิจัย พ.ศ. 2556
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาชุดการเรียนวิชางานประดิษฐ์ กลุ่มสาระ
การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดการเรียนวิชางานประดิษฐ์ เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยชุดการเรียนที่พัฒนาขึ้นและ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้ชุดการเรียน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนนาข่าวิทยาคม อำเภอวาปีปทุม องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ที่เรียนวิชางานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 28 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ซึ่งใช้การเรียนรู้ควบคู่ปฏิบัติที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบวัดประสิทธิภาพของชุดการเรียนวิชางานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี แบบประเมินทักษะปฏิบัติ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งมีอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ถึง 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.84 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้ 1) ชุดการเรียน ที่เน้นทักษะปฏิบัติ วิชางานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.75/89.37 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการเรียนวิชางานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ มีค่าเท่ากับ 0.5629 ซึ่งแสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น จากก่อนเรียน ด้วยชุดการเรียนร้อยละ 56.29 3) นักเรียนที่เรียนวิชางานประดิษฐ์
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนด้วยชุดการเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียน
การสอนโดยใช้ชุดการเรียน คิดเฉลี่ย 4.88 โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
คอมเมนต์
viagra arizona https://gorspillsd.com
ติดตามคอมเมนต์นี้ในรูปแบบ RSS feeds